(รีวิว) ครั้งหนึ่งผมเคยขับ kawasaki ninja 400

(รีวิว) ครั้งหนึ่งผมเคยขับ kawasaki ninja 400

วันนี้จะมาเล่าอดีต กับรถจักรยานยนต์คันแรกของผมก็คือ เจ้า kawasaki ninja 400 ปี 2018 กันนะครับ ซึ่งรถรุ่นนี้ถือเป็น รถสปอร์ตทัวริ่ง ระดับ Entry Class ซึ่งมาแทนไลน์การผลิต ของ Kawasaki Ninja 300 ที่โด่งดังในแต่ก่อน การจะที่จะมาทดแทนเจ้านินจา 300 ซึ่งถือว่าเป็นสปอร์ตไบค์ยอดฮิตของคนไทยนั้น ถือว่ายากมาก แต่ Kawasaki Ninja 400 นั้นก็ทำได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว ด้วยจุดเด่นหลายๆ ข้อที่กล่าวมา

กำลังเครื่องยนต์ที่มากขึ้น บวกกับน้ำหนักที่น้อยลง

นั้นทำให้ Kawasaki Ninja 400 มีความแตกต่างกับ Ninja 300 อย่างพอสมควร ด้วยความจุกระบอกสูบที่เพิ่มขึ้นจนถึง 399 Cc แรงม้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงน้ำหนักของตัวรถไม่รวมของเหลว 160 กิโลกรัม ซึ่งเบากว่า kawasaki ninja 300 ถึง 8 กิโลกรัม และด้วยความที่เป็นรถที่มีรอบเครื่องยนต์สูง นั้นทำให้ Kawasaki ninja 400 มีความแรงอยู่พอสมควร

ราคาเปิดตัว 1.96 แสน ได้อะไรบ้าง

ด้วยราคาที่จับต้องได้ หากดาวน์ 15-20% จะตกผ่อนเดือนละประมาณ 4000 บาท ระยะเวลา 48 เดือน ซึ่งถือว่าราคาถูก โดยอุปกรณ์และสเปคที่ได้นั้น คร่าวๆ ก็คือ ล้อเป็นขอบขนาด 17 นิ้ว ได้ยาง Dunlop Sportmax ขนาด 150 ซึ่งโรงงานได้ อัพไซส์ยาง ให้เกินเบอร์มาแล้ว ปั๊มเบรคเป็น Nissin ขนาด 2. Pot ทั้งหน้าและหลัง ดิสเบรคแบบเดี่ยว เรือนไมล์ เป็นแบบ LED มีไฟบอกเกียร์ ตัวเลขความเร็วดิจิตอล ตัววัดรอบเครื่องยนต์แบบเข็ม โช๊คเทเลสโคปิกแบบหัวตั้ง เหมาะสำหรับคนที่กำลังสนใจจะหัดเล่นรถบิ๊กไบค์

รีวิวการใช้จริง

การขับขี่นั้นไม่ยาก เนื่องจากมีความสูงจากพื้นไม่มาก โดยผมสูง 168 Cm ขณะหยุดรถสามารถใช้เท้าลงเต็มเท้าได้ แฮนด์เป็นแบบจับโช็คเหนือแผงคอ ทำให้ไม่เมื่อยมาก แต่ยังคงความสปอร์ตไว้อยู่เล็กน้อย อัตราการกินน้ำมันอยู่ที่ 20-24 กิโลเมตรต่อลิตร ขับในเมืองจะมีความร้อนขึ้นสูง แต่ก็มีพัดลมที่คอยทำงานช่วยให้เครื่องยนต์ลดอุณหภูมิลงไปได้ แบบไม่มีปัญหา ครัชนิ่ม และมี Slipper Clutch สามารถถอนเกียร์ ลงขณะใช้ Engine Break โดยที่รถไม่เสียหลัก และมีระบบเบรค ABS กันล้อล็อคขณะเบรคกระทันหัน

ข้อเสียและปัญหาที่มักได้ยินในรุ่นนี้

ในรถล็อตแรกๆ จะพบว่ามีปัญหา ในเรื่อง การรั่วซึมของน้ำมันเครื่อง ซึ่งเกิดมาจาก ซีนกันรั่วซึมมีการเสื่อมสภาพ หากยังอยู่ในประกัน สามารถนำไปให้ศูนย์ตัวแทนจำหน่ายตรวจสอบได้ บางคันสายเซ็นเซอร์ ABS ขาด หากเป็นเช่นนี้รถจะยังสามารถขับต่อไปได้ แต่จะไม่แสดงความเร็วบนหน้าจอเรือนไมล์

และอีกหนึ่งปัญหาที่พบ สำหรับมือใหม่ก็คือ ครัทช์หมด เนื่องจากเป็นรถที่ครัทช์นิ่ม บางครั้ง เกิดจากการตั้งครัทช์ที่ระยะฟรีครัทช์ไม่เหมาะสม หรือเกิดจากตัวผู้ขับขี่เองที่ทำการเลียครัชท์ ขณะเปิดคันเร่ง

รถดีแล้วทำไมต้องซื้อใหม่

เป็นธรรมดาของผู้ที่นิยมขับขี่รถ Bigbike เมื่อขับรถมาระยะหนึ่ง ตนเองมีทักษะ และประสบการณ์มากขึ้น ประกอบกับกำลังทรัพย์ที่มีมากขึ้นนั้น ย่อมมีความรู้สึกที่อยากจะ “อัพ CC“ ไปหารถที่ กำลังมากขึ้น มีระบบคันเร่งไฟฟ้า Traction Control , กันสะบัด หรือระบบอื่นๆ

Author Image
bikerthink