หลังจากแนะนำตัวผมไปแล้ว นะครับ วันนี้จะมารีวิวรถจักรยานยนต์ บิ็กไบค์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ของผมก็คือ

BMW S1000R (Naked) 2016

สเปคคร่าวๆ อ้างอิงจากเว็บไซต์ BMW Motorrad Thailand นะครับ

https://www.bmw-motorrad.co.th/th/models/roadster/s1000r.html

ความจุกระบอกสูบ (ซีซี) 999 ซีซี หรือที่เราเรียกว่า”ตัวพัน” กันครับ โฉม 2016 จะมีแรงม้าอยู่ที่ 160 แรงม้า ครับ และตัวเฟรมจะเป็นแบบเก่า เหมือนกับ S1000RR ปี 2014 แต่ระบบกันสะเทือนโช๊คอัพหน้าหลังเป็นระบบควบคุมด้วยไฟฟ้า โช็คหน้าเป็นแบบหัวกลับ หรือ Upside Down จาก Sach ครับ คล้ายกับ BMW HP4 2014 ครับ ตัวรถจะเป็นทรง Naked หรือทรงเปลือยแฟริ่งนั่นเองครับ

ระบบเบรคหน้าเป็นดิสเบรคแบบคู่ ปั๊มเบรคเป็น Brembo ทั้งปั๊มคู่หน้า และหลัง ส่วนปั๊มบนเป็นของ Nissin ครับ

ส่วนไฟหน้ายังคงเอกลักษณ์ ของตระกูล S ยุคเก่าของ BMW คือ ไฟหน้าตาเหล่ (แต่โฉม 2020 ไม่เหล่แล้วนะครับ)

S1000R ต่างจาก S1000RR ยังไงบ้าง?

หลายคนมีข้อสงสัยว่าทั้งสองรุ่นนี้มีความต่างกันยังไง สรุปให้สั้นเลยครับ ความแตกต่างของทั้งสองรุ่นมีดังนี้

1.ท่านั่งขับขี่ ด้วยความแตกต่าง ของ Sport และ Naked นั้นแฮนด์ก็จะต่างกัน ซึ่ง S1000RR เป็นแบบแฮนด์จับโช็คอยู่ใต้แผงคอ ส่วน Naked นั้นเป็นแบบ Handbar ส่วนการวางขา S1000R ปี 2016 เป็นเฟรมแบบ S1000RR ปี 2014 ซึ่งตัวเกียร์โยงจะไม่ต่างกันมาก แต่ S1000RR ปี 2015 ขึ้นมา จะเป็นเฟรมแบบเฉียงไปด้านหลังมากขึ้น จะให้ท่าทางที่ Sport มากขึ้น

2.ความแรงและรอบเครื่องยนต์ ด้วยแรงม้าที่แตกต่างกัน ถึงเกือบ 40 แรงม้า ที่ให้ S1000RR มีความแรงกว่า S1000R อยู่พอตัว และ S1000RR สามารถลากรอบเครื่องยนต์ได้ถึง 14000-16000 รอบ เลย แต่ S1000R จะมีรอบเครื่ิองยนต์สูงสุดอยู่ที่ 12000-13000 รอบ เท่านั้นครับ

3.รูปลักษณ์ และวัสดุอุปกรณ์ ความแตกต่างของแฟริ่งอย่างที่เราเห็นภายนอก และอุปกรณ์ภายในอย่างเช่น วาวล์ ของ S1000RR ที่เป็นไทเทเนียม ซึ่งรอบรับการใช้งานในรอบเครื่องยนต์สูงได้ดีกว่า

4.ส่วนสูงเบาะ S1000R เตี้ยกว่า 1 CM

เป็นยังไงบ้างครับ วันนี้ผมก็ได้รีวิวคร่าวๆ เกี่ยวกับ S1000R ที่ผมใช้อยู่ปัจจุบัน ในส่วนของการใช้งานและการตกแต่ง เดียวผมจะมาเล่าในบทความถัดไป นะครับ ติดตามกันได้ทางเว็บไซต์หรือทาง Facebook นะครับ