การดูแลรถเบื้องต้นที่หลายคนไม่รู้นั่นก็คือ การเติมลมยางนั่นเองครับ เพราะยางรถยนต์หรือจักรยานยนต์นั้น เมื่อมีการใช้งานไปนานๆ จะมีการรั่วออกของลมทีละเล็กน้อยเรื่อยๆ ถ้าไม่หากไม่ได้เติมลมนานๆ อาจทำให้เกิดอาการยางอ่อนซึ่งอาจนำมาสู่ความเสียหายของระบบช่วงล่าง อายุการใช้งานของยาง และอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการขับขี่ด้วย โดยสถานที่ ที่สามารถไปเติมลมยางได้สะดวกที่สุดก็คือ ปั๊มน้ำมันนั่นเอง ซึ่งวิธีการเติมลมยางนั้นก็ง่ายนิดเดียว โดยแอดจะเล่าเป็นภาษาที่เข้าใจง่ายๆ ดังนี้

1.ขับขี่รถเข้าไปจอดที่ช่องจอดรถสำหรับเติมลม ถ้าหากมีรถจอดอยู่สามารถจอดในช่องข้างๆ ได้ เพราะเครื่องเติมลมนั้น ส่วนใหญ่จะมีสายที่ยาว สามารถลากไปได้ถึง

2.กดแรงดันลมที่ต้องการ โดยเราต้องรู้ค่าแรงดันลมของยางรถของเราก่อน ซึ่งถ้าไม่ทราบสามารถดูได้ที่บริเวณสติกเกอร์ที่ติดอยู่ที่บริเวณสวิงอาร์ม ซึ่งจะระบุไว้ โดยมีหน่วยเป็น psi โดยแบ่งเป็นล้อหน้าและล้อหลัง ให้เรานำตัวเลขนั้นไปกดที่เครื่องได้เลย

3.ลากสายเติมลมมาที่บริเวณล้อรถ หมุนฝาปิดจุกลมออก ในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา หลังจากนั้นกดหัวเติมลม(ปลายสายเติมลม)ลงไปที่จุกเติมลมของยาง โดย หัวสายเติมลมนันจะมีขนาดใหญ่กว่า โดยควรกดให้ครอบกันพอดีในองศาทิศทางที่ตรงกัน กดจนรู้สึกว่า มีเสียงลมออกมา ถ้ารู้สึกว่ามีการรั่วของลมออกมาด้านข้าง ให้ลองกดให้แน่นขึ้น และอาจเปลี่ยนองศาของจุกลมสักเล็กน้อย จนกว่าจะเจอจุดที่รู้สึกว่ารั่วน้อยที่สุด

4.จากขั้นตอนที่ 3 เมื่อเจอจุดที่เหมาะสมแล้ว ให้รีบหันหน้าไปมองที่บริเวณหน้าจอของเครื่องเติมลม โดยหน้าจอจะแสดงลมยางในปัจจุบันของรถ และจะเพิ่มไปเรื่อยๆ จนถึงค่าที่เรากดไว้ แล้วจะมีเสียงดัง ตี๊ดๆ ก็เป็นอันเสร็จ แต่ถ้าเรากดไม่แน่นหรือว่ามีปัญหา เครื่องก็อาจแจ้งว่า Error ก็ให้เราหยุดเติม รอจนคำว่า Error ที่หน้าปัดเครื่องเติมหายไป แล้วจึงเติมใหม่

โดยการเติมลมยางนั้นควรเติมอย่างน้อยเดือนละครั้ง หรือแล้วแต่สภาพของยาง รวมไปถึง ก่อนการเดินทางไกล ก็ควรเติมให้เรียบร้อย หากเราเติมลมยางเป็นประจำ เราจะสังเกตุลมยางที่ลดไปในแต่ละสัปดาห์ จะทำให้เราสามารถรู้ว่า ยางรถของรั่วมีการรั่วซึมหรือไม่ ซึ่งจะทำให้เราสามารถคำนวนอายุการใช้งานยางของเรา ว่าควรเปลี่ยนเมื่อไรได้อีกด้วย