สำหรับวันนี้แอดมินจะขอมาวิเคราะห์ในประเด็นที่กำลังเป็นที่ร้อนแรงในสังคมไทย ซึ่งก็คือจากกรณีที่มี ตำรวจหนุ่มได้ขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ดูคาติ มอนส์เตอร์ และเกิดการเฉี่ยวชนคนที่กำลังข้ามถนนบนทางม้าลาย จนนำมาสู่ความสูญเสีย โดยจะมาพูดในมุมมองของแอดมิน ซึ่งตัวแอดมินนั้น ก็เป็นผู้ที่ขับขี่รถบิ๊กไบค์ และมีอาชีพเป็นตำรวจในสายงานพนักงานสอบสวน ซึ่งมักจะพบเจอคดีรถเฉียวชนกันอยู่เป็นประจำ

สำหรับมุมมองของแอดมินนั้น อุบัติเหตุทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นล้วนเกิดจากความประมาท ซึ่งจากกรณีดังกล่าวนั้น แอดมินมองว่า ตัวตำรวจหนุ่มผู้ขับขี่รถบิ๊กไบค์นั้น ขับขี่ด้วยความประมาทโดยเลือกใช้ความเร็ว ไม่เหมาะกับสภาพการจราจร ซึ่งหลายคนอาจจะไม่เข้าใจ จะยกตัวอย่างเช่น ในบางครั้งที่เราขับรถด้วยความเร็วสูง 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่กลับรู้สึกว่า ปลอดภัย รถเคลื่อนไปอย่างช้าๆ ก็เพราะว่า เรานั้น ได้ขับขี่รถในสภาพถนนที่ มีการจราจรไม่หนาแน่น มีพื้นที่อย่างกว้างขวาง แต่ในทางกลับกัน ในสภาพการจราจรที่รถติดหรือถนนแคบ เราขับรถแค่ความเร็ว 30-40 กิโลเมตร/ชั่วโมง กลับรู้สึกว่า มันเร็วซะเหลือเกิน ก็เนื่องมาจากสภาพการจราจรและถนนขณะนั้นนั่นเอง

และในเคสนี้นั้น กลับมาความบังเอิญก็คือ รถตู้คันที่หยุดรถรอบริเวณทางม้าลายนั้น โดยแอดมินไม่ได้โทษรถตู้คันนั้นแต่อย่างใด แต่จะบอกว่ามันคือความบังเอิญ ที่กลายเป็นจุดกำบังสายตา ระหว่างรถบิ๊กไบค์ และ ผู้เสียหาย ทำให้ไม่สามารถมองเห็น ซึ่งกันและกัน จนเกิดเหตุดังกล่าวขึ้นได้ และเมื่อความประมาทได้มาพร้อมกับความบังเอิญนี้ จึงทำให้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในกฎหมาย พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ นั้นได้ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่า ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์นั้น จะต้องระมัดระวังไม่ให้เฉี่ยวชนคนเดินเท้า ซึ่งในกรณีนี้ ตำรวจหนุ่มผู้ที่ขับขี่รถบิ๊กไบค์ดูคาติ ก็ต้องยอมรับไปตามสภาพด้วยกฎหมาย โดยสิ่งที่ต้องรับก็คือ จะต้องถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยประมาท เป็นเหตุให้มีผู้ถึงแก่ความตาย ” โดยคดีนี้ หากมีการชดใช้ในทางแพ่งจนญาติของผู้เสียชิวิต ไม่ได้ติดใจเอาความ และจำเลยให้การรับสารภาพในชั้นศาลนั้น ศาลก็อาจจะรอการลงอาญาไว้ก่อน

อย่างไรก็ตามอุบัติเหตุครั้งนี้นั้น ขอให้ทุกคนให้ความสำคัญกับวินัยจราจรกันพอสมควร ซึ่งแอดมินก็เห็นด้วย และก็ขอรณรงค์ให้ทุกคนนั้นขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความปลอดภัยกันนะครับ